บริษัท ฮาร์ด เวิร์คกิ้ง เพอร์ซัน จำกัด
วิธีเลือก Smoke Detector ให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ “ตัวจับควัน” หรือ Smoke Detector ซึ่งเป็นด่านแรกที่จะตรวจจับควันก่อนที่ไฟจะลุกลาม การเลือก Smoke Detector ที่เหมาะกับพื้นที่และลักษณะอาคารจึงสำคัญมาก
ชนิดของ Smoke Detector
• แบบ Photoelectric (ตรวจจับควันที่ลอยตัว): เหมาะกับงานที่มีควันหนาทึบ เช่น ห้องครัว ห้องที่มีฝุ่นหรือละอองควันสูง
• แบบ Beam หรือ Reflective Beam: ใช้งานในพื้นที่สูง เช่นโกดัง โรงงาน หรือห้องโถงสูง ที่ควันจะลอยสูงก่อนกระจายตัวในอากาศ
แรงดันไฟฟ้า &จำนวนสาย (Wiring / Voltage)
• Smoke Detector ของ CM เช่นรุ่น WT33L ใช้ Photoelectric, แบบ 3-wire, 24V
• ต้องตรวจสอบว่าแรงดันไฟฟ้ามาจากแหล่งจ่ายที่เหมาะสมและสายไฟเดินถึงได้ตามระยะปลอดภัย
ตำแหน่งการติดตั้งที่เหมาะสม
• ไม่ควรวางใกล้กับพัดลม แอร์ หรือช่องลมโดยตรง เพราะอาจมีลมพัดเป่าควันหนีออกไป
• สำหรับห้องที่มีเพดานสูง ให้ใช้ตัว Beam Detector หรือ Reflective Beam Detector เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่สูงได้ดี
มาตรฐาน &แบรนด์ที่เชื่อถือได้
• ตรวจสอบว่าได้รับมาตรฐาน เช่น CE, UL หรือมาตรฐานท้องถิ่น
• ยี่ห้อที่มีชื่อเสียง เช่น CM, Notifier, System Sensor, Honeywell ฯลฯ
การบำรุงรักษา
• ตรวจสอบและทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อป้องกันฝุ่นจับ/คราบสกปรกที่อาจรบกวนการทำงาน
• ทดสอบระบบเป็นประจำ เช่นปล่อยควันปลอม (ตามข้อกำหนด) เพื่อยืนยันว่าเซ็นเซอร์ยังทำงานได้ดี
การเลือก Smoke Detector ที่เหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่ใช้งาน จะช่วยให้ระบบ Fire Alarm มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ได้มากขึ้นทั้งด้านความปลอดภัยและทรัพย์สินของผู้ใช้งาน